แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ.2550
********************************
1. พระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ.2550 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 20 มิถุนายน 2550 ค. 25 มิถุนายน 2550
ข. 22 มิถุนายน 2550 ง. 27 มิถุนายน 2550
ตอบ ง. 27 มิถุนายน 2550
2. พระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ.2550 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 5 หมวด 76 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ข. 5 หมวด 67 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ค. 5 หมวด 70 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ง. 4 หมวด 67 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ข. 5 หมวด 67 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
3. ใครเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
ก. นายชวน หลีกภัย ค. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
ข. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ง. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ตอบ ค. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
4. สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ มีฐานะเป็นอะไร
ก. องค์การมหาชน
ข. นิติบุคคล
ค. นิติบุคคล ในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ
ง. นิติบุคคล ในกำกับของกระทรวงวัฒนธรรม
ตอบ ง.นิติบุคคล ในกำกับของกระทรวงวัฒนธรรม
5. ข้อใดมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของสถาบันตามกฏหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ก. สภาสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ข. สภาวิชาการสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ค. สภาคณาจารย์และบุคลากรสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. สภาสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
6. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตอบ ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
7. สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลปเป็นสถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์อย่างไร
ก. ให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับม.ต้นถึงระดับพื้นฐานวิชาชีพ
ข. ให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับพื้นฐานวิชาชีพถึงวิชาชีพชั้นสูง
ค. ให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับระดับพื้นฐานวิชาชีพถึงระดับอนุปริญา
ง. ให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับระดับพื้นฐานวิชาชีพถึงระดับปริญญาตรี
ตอบ ข. ให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับพื้นฐานวิชาชีพถึงวิชาชีพชั้นสูง
8. จากข้อ 7 สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์เป็นสถานศึกษาที่ให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการตั้งแต่ระดับพื้นฐานวิชาชีพถึงวิชาชีพชั้นสูงในด้านใด
ก. นาฏศิลป์ ทั้งไทยและสากล
ข. ดุริยางค์ศิลป์ ทั้งไทยและสากล
ค. คีตศิลป์ ช่างศิลป์ ทั้งไทยและสากล
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
9. การจัดตั้ง การรวมและการยุบเลิกสำนักงานวิทยาเขต บัณฑิตวิทยาลัย คณะ สำนัก วิทยาลัยและศูนย์ ให้ออกเป็นกฎหมายใด
ก. กฎกระทรวง ค. ประกาศของสถาบัน
ข. ประกาศกระทรวง ง.พระราชกฤษฎีกา
ตอบ ก. กฎกระทรวง
10. การแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักงานคณบดี สำนักงานผู้อำนวยการ ภาควิชาและกอง ให้ทำเป็นกฎหมายใด
ก. กฎกระทรวง ค. ประกาศของสถาบัน
ข. ประกาศกระทรวง ง.พระราชกฤษฎีกา
ตอบ ข. ประกาศกระทรวง
11. การแบ่งส่วนราชการเป็นงานให้ทำเป็นกฎหมายใด
ก. กฎกระทรวง ค. ประกาศของสถาบัน
ข. ประกาศกระทรวง ง.พระราชกฤษฎีกา
ตอบ ค. ประกาศของสถาบัน
12. สภาสถาบันมีจำนวนกี่คน
ก. 25 คน ค. 28 คน
ข. 27 คน ง. 30 คน
ตอบ ค. 28 คน
13. นายกสภาสถาบันและกรรมการสถาบันมีวาระการดำรงตำแหน่งกี่ปี
ก. 1 ปี ค. 3 ปี
ข. 2 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ง. 4 ปี
14. สภาสถาบันมีอำนาจหน้าที่อย่างไร
ก. อนุมัติให้ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญาและประกาศนียบัตร
ข. วาง นโยบายของสถาบันเกี่ยวกับการศึกษา การวิจัย การให้บริการทางวิชาการแก่สังคมการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และสนับสนุนกิจการของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่นเกี่ยวกับงานด้านศิลปวัฒนธรรม
ค. วางระเบียบและออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงาน การเงิน การจัดหารายได้และผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถาบัน
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๗ สภาสถาบันมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของสถาบันและโดยเฉพาะให้มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) วางนโยบายของสถาบันเกี่ยวกับการศึกษา การวิจัย การให้บริการทางวิชาการแก่สังคมการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และสนับสนุนกิจการของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในท้องถิ่นเกี่ยวกับงานด้านศิลปวัฒนธรรม
(๒) วางระเบียบ ออกข้อบังคับและประกาศของสถาบัน และอาจมอบให้ส่วนราชการใดในสถาบันเป็นผู้วางระเบียบ ออกข้อบังคับและประกาศสำหรับส่วนราชการนั้นเป็นเรื่องๆ ไปก็ได้
(๓) อนุมัติให้ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญาและประกาศนียบัตร
(๔) พิจารณาการจัดตั้ง การรวม และการยุบเลิกส่วนราชการของสถาบันตามมาตรา ๙ รวมทั้งการแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการดังกล่าว
(๕) อนุมัติรับสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่นเข้าสมทบในสถาบันและการยกเลิกการสมทบ
(๖) พิจารณาให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่คณะกรรมการการอุดมศึกษากำหนด และการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
(๗) พิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง และถอดถอนนายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ อธิการบดี ศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์พิเศษ
(๘) แต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี คณบดี ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการวิทยาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ และหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ
(๙) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายจากเงินรายได้ของสถาบัน
(๑๐) วางระเบียบและออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงาน การเงิน การจัดหารายได้และผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถาบัน
(๑๑) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด เพื่อพิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องหนึ่งเรื่องใด หรือมอบหมายให้ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของสภา สถาบัน
(๑๒) พิจารณาและให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับกิจการของสถาบันตามที่อธิการบดีเสนอ และอาจมอบหมายให้อธิการบดีปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอยู่ในอำนาจและ หน้าที่ของสภาสถาบันได้
(๑๓) ให้คำปรึกษาและข้อแนะนำในกิจการของสถาบันต่ออธิการบดี
(๑๔) ปฏิบัติหน้าที่อื่นเกี่ยวกับกิจการของสถาบันที่มิได้ระบุให้เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ
15. ใครเป็นประธานสภาวิชาการ
ก. รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ค. คณบดี
ข. อธิการบดี ง. ผู้อำนวยการสำนัก
มาตรา ๑๙ ให้มีสภาวิชาการ ประกอบด้วย
(๑) ประธานสภาวิชาการ ได้แก่ อธิการบดี
(๒) รองประธานสภาวิชาการ ได้แก่ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ
(๓) กรรมการสภาวิชาการจำนวนไม่เกินห้าคน ซึ่งเลือกจากคณบดี
(๔) กรรมการสภาวิชาการจำนวนไม่เกินห้าคน ซึ่งเลือกจากผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการ วิทยาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
(๕) กรรมการสภาวิชาการจำนวนไม่เกินห้าคน ซึ่งเลือกจากคณาจารย์ประจำสถาบัน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาของสถาบัน
(๖) กรรมการสภาวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินเก้าคน ซึ่งแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการอุดมศึกษา จำนวนหนึ่งคน และบุคลากรภายนอกที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์ คีตศิลป์ ช่างศิลป์ หรือด้านศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นอย่างน้อยด้านละหนึ่งคน
ให้ สภาวิชาการแต่งตั้งคณาจารย์ประจำสถาบัน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันโดยคำแนะนำของอธิการบดีคนหนึ่งเป็นเลขานุการ สภาวิชาการ และอาจแต่งตั้งบุคคลใดอีกไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการด้วยก็ได้
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการสภาวิชาการ ตลอดจนการประชุมและการดำเนินงานของสภาวิชาการให้เป็นไปตามข้อบังคับของ สถาบัน
16. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของสภาวิชาการ
ก. เสนอความเห็นเกี่ยวกับการรวมและการยกเลิกสาขาวิชาต่อสภาสถาบัน
ข. เสนอความเห็นเกี่ยวกับการเปิดสอนตามหลักสูตรของสถาบันต่อสภาสถาบัน
ค. พิจารณา เกณฑ์มาตรฐานการศึกษา หลักสูตร การเรียนการสอน การวิจัย การวัดผลการศึกษา และการประกันคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่คณะกรรมการการอุดมศึกษา กำหนด เพื่อเสนอต่อสภาสถาบัน
ง. อนุมัติรับสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่นเข้าสมทบในสถาบันและการยกเลิกการสมทบ
ตอบ ง. อนุมัติรับสถาบันการศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่นเข้าสมทบในสถาบันและการยกเลิกการสมทบ
มาตรา ๒๐ สภาวิชาการมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) พิจารณาเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา หลักสูตร การเรียนการสอน การวิจัย การวัดผลการศึกษา และการประกันคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่คณะกรรมการการอุดมศึกษา กำหนด เพื่อเสนอต่อสภาสถาบัน
(๒) เสนอความเห็นเกี่ยวกับการรวมและการยกเลิกสาขาวิชาต่อสภาสถาบัน
(๓) เสนอความเห็นเกี่ยวกับการเปิดสอนตามหลักสูตรของสถาบันต่อสภาสถาบัน
(๔) พิจารณาให้ความเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาการของสถาบันต่อสภาสถาบัน
(๕) ส่งเสริมการวิจัยที่สอดคล้องกับภารกิจของสถาบันและความต้องการของชุมชน
(๖) แต่งตั้งคณะกรรมการ อนุกรรมการ หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อดำเนินการใดๆ อันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของสภาวิชาการ
(๗) ปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับงานด้านวิชาการตามที่สภาสถาบันมอบหมาย
17. ข้อใด คืออำนาจหน้าที่ของสภาคณาจารย์และบุคลากร
ก. ส่งเสริมจริยธรรมและวัฒนธรรมการทำงานที่ดีของคณาจารย์ประจำสถาบัน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันซึ่งปฏิบัติงานในสถาบัน
ข. ส่งเสริมการวิจัยที่สอดคล้องกับภารกิจของสถาบันและความต้องการของชุมชน
ค. แต่งตั้งคณะกรรมการ อนุกรรมการ หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อดำเนินการใดๆ อันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของสภาวิชาการ
ง. วางระเบียบและออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงาน การเงิน การจัดหารายได้และผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถาบัน
ตอบ ก. ส่งเสริมจริยธรรมและวัฒนธรรมการทำงานที่ดีของคณาจารย์ประจำสถาบัน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันซึ่งปฏิบัติงานในสถาบัน
มาตรา ๒๒ สภาคณาจารย์และบุคลากรมีหน้าที่ ดังนี้
(๑) ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะต่อสภาสถาบัน และอธิการบดีในกิจการต่างๆ ของสถาบัน
(๒) ส่งเสริมจริยธรรมและวัฒนธรรมการทำงานที่ดีของคณาจารย์ประจำสถาบัน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันซึ่งปฏิบัติงานในสถาบัน
(๓) สร้างและส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณาจารย์ประจำสถาบัน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาของสถาบันซึ่งปฏิบัติงานในสถาบัน
(๔) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่สภาสถาบันหรืออธิการบดีมอบหมาย
18. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ก. ผู้อำนวยการสำนัก ค. อธิการบดี
ข. คณบดี ง. รองอธิการบดี
ตอบ ค. อธิการบดี
มาตรา ๒๓ ให้ อธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารงานของสถาบัน และจะให้มีรองอธิการบดีหรือผู้ช่วยอธิการบดี หรือจะมีทั้งรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดีตามจำนวนที่สภาสถาบันกำหนด เพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบตามที่อธิการบดีมอบหมายก็ได้
19. อธิการบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 1 ปี ค. 3 ปี
ข. 2 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ง. 4 ปี
20. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของอธิการบดี
ก. บริหารกิจการของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการและของสถาบัน รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของสถาบัน
ข. จัดทำแผนพัฒนาสถาบันและปฏิบัติตามแผนงาน รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ของสถาบัน
ค. เสนอแผนดำเนินงานและงบประมาณประจำปี ตลอดจนรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการด้านต่างๆ ของสถาบันต่อสภาสถาบัน
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๒๖ อธิการบดีมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) บริหารกิจการของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการและของสถาบัน รวมทั้งนโยบายและวัตถุประสงค์ของสถาบัน
(๒) ควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานที่ และทรัพย์สินอื่นของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการและของสถาบัน
(๓) จัดทำแผนพัฒนาสถาบันและปฏิบัติตามแผนงาน รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ของสถาบัน
(๔) แต่งตั้งและถอดถอนผู้ช่วยอธิการบดี รองคณบดี รองผู้อำนวยการสำนัก รองผู้อำนวยการวิทยาลัย รองผู้อำนวยการศูนย์ รองหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ หัวหน้าภาควิชา หัวหน้ากอง รองหัวหน้ากอง หัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าภาควิชา และอาจารย์พิเศษ
(๕) รักษาระเบียบวินัย จรรยาบรรณ และมารยาทแห่งวิชาชีพของคณาจารย์ประจำสถาบันข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาของสถาบัน
(๖) เสนอแผนดำเนินงานและงบประมาณประจำปี ตลอดจนรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการด้านต่างๆ ของสถาบันต่อสภาสถาบัน
(๗) ส่งเสริม สนับสนุนกิจการนักศึกษา และปฏิบัติภารกิจร่วมกับสถาบันอื่น
(๘) เป็นผู้แทนของสถาบันในกิจการทั่วไป
(๙) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามระเบียบ ข้อบังคับและประกาศของสถาบัน หรือตามที่สภาสถาบันมอบหมาย
21. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการประจำวิทยาเขต
ก. กำกับดูแลให้วิทยาเขตปฏิบัติตามนโยบายและแผนพัฒนาวิทยาเขตตามที่สภาสถาบันกำหนด
ข. ประสานงานระหว่างบัณฑิตวิทยาลัย คณะ สำนัก วิทยาลัย ศูนย์ และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะภายในวิทยาเขต
ค. ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินกิจการต่างๆ ของวิทยาเขตแก่อธิการบดี
ง. ควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานที่ และทรัพย์สินอื่นของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการและของสถาบัน
ตอบ ง. ควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานที่ และทรัพย์สินอื่นของสถาบันให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการและของสถาบัน
มาตรา ๓๐ คณะกรรมการประจำวิทยาเขตมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) กำกับดูแลให้วิทยาเขตปฏิบัติตามนโยบายและแผนพัฒนาวิทยาเขตตามที่สภาสถาบันกำหนด
(๒) ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินกิจการต่างๆ ของวิทยาเขตแก่อธิการบดี
(๓) ประสานงานระหว่างบัณฑิตวิทยาลัย คณะ สำนัก วิทยาลัย ศูนย์ และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะภายในวิทยาเขต
(๔) พิจารณาเสนอการออกระเบียบปฏิบัติของวิทยาเขตต่ออธิการบดีและวางระเบียบหรือออกข้อบังคับอื่นตามที่สภาสถาบันมอบหมาย
(๕) พิจารณาเสนอแผนพัฒนา แผนงาน และงบประมาณประจำปีของส่วนราชการต่างๆ ของวิทยาเขตต่ออธิการบดี
(๖) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อดำเนินการใดๆ อันอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการประจำวิทยาเขต
(๗) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่อธิการบดีมอบหมาย
22. ใครเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของบัณฑิตวิทยาลัย
ก. ผู้อำนวยการสำนัก ค. อธิการบดี
ข. คณบดี ง. รองอธิการบดี
มาตรา ๓๑ ใน บัณฑิตวิทยาลัย ให้มีคณบดีเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของบัณฑิตวิทยาลัย และจะให้มีรองคณบดีตามจำนวนที่สภาสถาบันกำหนด เพื่อทำหน้าที่และรับผิดชอบตามที่คณบดีมอบหมายก็ได้
23. คณบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 1 ปี ค. 3 ปี
ข. 2 ปี ง. 4 ปี
ตอบ ง. 4 ปี
24. คณะกรรมการประจำคณะมีอำนาจหน้าที่อย่างไร
ก. วางนโยบายและแผนงานของคณะให้สอดคล้องกับนโยบายของสถาบัน
ข. พิจารณาหลักสูตรและรายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรสำหรับคณะเสนอต่อสภาวิชาการ
ค. ส่งเสริมงานวิจัย งานบริการวิชาการแก่สังคม และงานทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๓๕ คณะกรรมการประจำคณะมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) วางนโยบายและแผนงานของคณะให้สอดคล้องกับนโยบายของสถาบัน
(๒) พิจารณาหลักสูตรและรายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรสำหรับคณะเสนอต่อสภาวิชาการ
(๓) พิจารณาวางระเบียบและออกข้อบังคับภายในคณะตามที่สภาสถาบันมอบหมาย
(๔) พิจารณาให้ความเห็นชอบการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการก่อนเสนอสภาวิชาการ
(๕) จัดการวัดผล ประเมินผล และควบคุมคุณภาพมาตรฐานการศึกษาของคณะ
(๖) ส่งเสริมงานวิจัย งานบริการวิชาการแก่สังคม และงานทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
(๗) ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นแก่คณบดี
(๘) ปฏิบัติหน้าที่อื่นเกี่ยวกับกิจการของคณะหรือตามที่อธิการบดีมอบหมาย
(๙) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อดำเนินการใดๆ อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการประจำคณะ
25. ตำแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ประจำสถาบันมีกี่ประเภท
ก. 6 ประเภท ค. 4 ประเภท
ข. 5 ประเภท ง. 3 ประเภท
ตอบ ค. 4 ประเภท
26. ข้อใด ไม่ใช่ ตำแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ประจำสถาบัน
ก. ผู้ช่วยรองศาสตราจารย์ ค. อาจารย์
ข. ศาสตราจารย์ ง. ผู้ช่วยศาสตราจารย์
มาตรา ๔๕ คณาจารย์ประจำสถาบันมีตำแหน่งทางวิชาการ ดังนี้
(๑) ศาสตราจารย์
(๒) รองศาสตราจารย์
(๓) ผู้ช่วยศาสตราจารย์
(๔) อาจารย์
27. รองศาสตราจารย์พิเศษ จะใช้อักษรย่อว่าอะไร
ก. ศศ. ค. รศ.(พิเศษ)
ข. รศ. ง. รศพ.
ตอบ ค. รศ.(พิเศษ)
การใช้คำนำหน้านามตามความในวรรคหนึ่งให้ใช้อักษรย่อดังนี้
ศาสตราจารย์ ใช้อักษรย่อ ศ.
ศาสตราจารย์พิเศษ ใช้อักษรย่อ ศ.(พิเศษ)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ใช้อักษรย่อ ศ.(เกียรติคุณ)
รองศาสตราจารย์ ใช้อักษรย่อ รศ.
รองศาสตราจารย์พิเศษ ใช้อักษรย่อ รศ.(พิเศษ)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ใช้อักษรย่อ ผศ.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ใช้อักษรย่อ ผศ.(พิเศษ)
28. หมวด 4 ในพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ.2550 ว่าด้วยเรื่องใด
ก. ปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ ค. บทกำหนดโทษ
ข. ตำแหน่งทางวิชาการ ง. การดำเนินการ
ตอบ ก. ปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ
29. ปริญญามีกี่ชั้น
ก. 3 ชั้น ค. 5 ชั้น
ข. 2 ชั้น ง. 2 ชั้น
มาตรา ๕๐ ปริญญามีสามชั้น คือ
ปริญญาเอก เรียกว่า ดุษฎีบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ด.
ปริญญาโท เรียกว่า มหาบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ม.
ปริญญาตรี เรียกว่า บัณฑิต ใช้อักษรย่อ บ.
30. การกำหนดให้สาขาวิชาใดมีปริญญาชั้นใด และจะใช้อักษรย่อสำหรับสาขาวิชานั้นอย่างไรให้ตราเป็นกฎหมายใด
ก. พระราชกฤษฎีกา ค. กฏกระทรวง
ข. พระราชกำหนด ง. ประกาศกระทรวง
มาตรา ๕๑ สถาบันมีอำนาจให้ปริญญาในสาขาวิชาที่มีการสอนในสถาบัน
การกำหนดให้สาขาวิชาใดมีปริญญาชั้นใด และจะใช้อักษรย่อสำหรับสาขาวิชานั้นอย่างไรให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
31. ผู้ใดใช้ตรา เครื่องหมาย สัญลักษณ์โดยไม่มีสิทธิที่จะใช้หรือแสดงด้วยประการใดๆ ว่าตนเป็นนักศึกษา หรือมีตำแหน่ง ปริญญา ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ง. จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๗ ผู้ ใดใช้ตรา เครื่องหมาย สัญลักษณ์ ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ ครุยประจำตำแหน่งเครื่องแบบ เครื่องหมาย หรือเครื่องแต่งกายนักศึกษาของสถาบันโดยไม่มีสิทธิที่จะใช้หรือแสดงด้วย ประการใดๆ ว่าตนเป็นนักศึกษา หรือมีตำแหน่ง ปริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบัณฑิต อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรของสถาบันโดยที่ตนไม่มี ถ้าได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิจะใช้ หรือมีตำแหน่งหรือมีวิทยฐานะเช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
32. การกระทำในข้อใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ก. ปลอม หรือทำเลียนแบบซึ่งตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของสถาบันหรือส่วนราชการของสถาบันไม่ว่าจะทำเป็นสีใด หรือทำด้วยวิธีใดๆ
ข. ใช้ตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของสถาบันหรือส่วนราชการของสถาบัน ปลอมหรือซึ่งทำเลียนแบบ
ค. ใช้ หรือทำให้ปรากฏซึ่งตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของสถาบันหรือส่วนราชการของสถาบันที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสถาบัน
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๕๘ ผู้ใด
(๑) ปลอม หรือทำเลียนแบบซึ่งตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของสถาบันหรือส่วนราชการของสถาบันไม่ว่าจะทำเป็นสีใด หรือทำด้วยวิธีใดๆ
(๒) ใช้ตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของสถาบันหรือส่วนราชการของสถาบัน ปลอมหรือซึ่งทำเลียนแบบ หรือ
(๓) ใช้หรือทำให้ปรากฏซึ่งตรา เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของสถาบันหรือส่วนราชการของสถาบันที่วัตถุหรือสินค้าใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสถาบัน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ