แนวข้อสอบ พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550
1. พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันใด
ก. 11 มกราคม 2550 ข. 11 มกราคม 2551
ค. 12 มกราคม 2550 ง. 13 มกราคม 2550
ตอบ ข. 11 มกราคม 2551
2. พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. ครบ 90 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ง. ครบ 180 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอบ ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3. พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ยกเลิก พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.ใด
ก. 2523 ข. 2524
ค. 2525 ง. 2526
ตอบ ค. 2525
4. ผู้บริหารตาม พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 หมายถึงข้อใด
ก. ผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน ข. ผู้จัดการของโรงเรียนในระบบ
ค. ผู้อำนวยการของโรงเรียนในระบบ ง. ผู้บริหารของโรงเรียนนอกระบบ
ตอบ ง. ผู้บริหารของโรงเรียนนอกระบบ
5. ผู้ทำหน้าที่ด้านการเรียนการและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ในโรงเรียนนอกระบบ ตาม พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 หมายถึงข้อใด
ก. ครู ข. ผู้สอน
ค. อาจารย์ ง. บุคลากรทางการศึกษา
6. ผู้รักษาการตามพรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 คือข้อใด
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รมต.ศธ.
ค. รมต.ช่วย ศธ. ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ข. รมต.ศธ.
7. พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มีกี่หมวดกี่มาตรา
ก. 5 หมวด 165 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ข. 5 หมวด 166 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ค. 6 หมวด 167 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล ง. 6 หมวด 168 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
ตอบ ข. 5 หมวด 166 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
8. ใครเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รมต.ศธ.
ค. รมต.ช่วย ศธ. ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอบ ข. รมต.ศธ.
9. คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนโดยตำแหน่งมีกี่คน
ก. 3 ข. 5
ค. 7 ง. 9
ตอบ ข. 5
10. ข้อใด ไม่จำเป็นต้องมีตามมาตรา 19 พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550
ก. วัตถุประสงค์ ข. ชื่อ ประเภท ระดับ ของโรงเรียนนอกระบบ
ค. รายละเอียดเกี่ยวกับที่ดิน ที่ตั้ง ง. เงินทุนและทรัพย์สินที่ใช้ในการจัดตั้ง
ตอบ ข. ชื่อ ประเภท ระดับ ของโรงเรียนนอกระบบ
11. ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบตามพรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550
ก. อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์
ข. สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
ค. เคยถูกออกจากราชการมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี
ง. ถูกเพิกถอนใบอนุญาตมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีก่อนวันขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน
ตอบ ก. อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์
12. ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนในระบบ ตามพรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มีไม่เกินกี่คน
ก. 3 ข. 5
ค. 7 ง. 9
ตอบ ก. 3
13. ข้อใด ไม่ใช่ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนในระบบ ตามพรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550
ก. ผู้รับใบอนุญาต ข. ผู้จัดการ
ค. ผู้แทนชุมชน ง. ผู้อำนวยการ
ตอบ ค. ผู้แทนชุมชน
14. ตาม พรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ผลกำไรต้องจัดสรรเข้ากองทุนสำรองไม่น้อยกว่าร้อยละเท่าไร
ก. 3 ข. 10
ค. 20 ง. 40
ตอบ ข. 10
15. อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบคือข้อใด
ก. 300 บาท ข. 500 บาท
ค. 3000 บาท ง. 5000 บาท
ตอบ ง. 5000 บาท
16. ค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบคือข้อใด
ก. 5000 บาท ข. 3000 บาท
ค. 500 บาท ง. 300 บาท
ตอบ ง. 300 บาท
17. ผู้ใดจัดตั้งโรงเรียนในระบบ ตามพรบ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 โดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. ปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท
ตอบ ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สรุป พ.ร.บ. โรงเรียนเอกชน ๒๕๕๐
ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ
ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ครูและบุคลากร โรงเรียนเอกชน ในระบบ
ตามที่พระราชบัญญัติ โรงเรียนเอกชน พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๑ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นมา
ตาม พรบ.โรงเรียนอกชน ฉบับใหม่นี้ แบ่งการศึกษาเป็น ๒ รูปแบบ คือ
๑) “โรงเรียนในระบบ” โรงเรียนที่จัดการศึกษาโดยกำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผลซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
๒) “โรงเรียนนอกระบบ” โรงเรียนที่จัดการศึกษาโดยมีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา
และที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็คือ การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ครู บุคลากร และเจ้าหน้าที่ โรงเรียนเอกชน ในระบบ
» มาตรา ๓๐ ให้โรงเรียนในระบบมีคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วยผู้รับใบอนุญาตผู้จัดการ ผู้อำนวยการ ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู และผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อยหนึ่งคนแต่ไม่เกินสามคนเป็นกรรมการ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตเป็นบุคคลเดียวกับผู้จัดการหรือผู้อำนวยการ หรือเป็นบุคคลเดียวกันทั้งสามตำแหน่ง ให้ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหรือสองคน แล้วแต่กรณี
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหากรรมการ การเลือกประธานกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในตราสารจัดตั้งในวาระเริ่มแรกที่จัดตั้งโรงเรียนในระบบและ ยังไม่มีผู้แทนผู้ปกครองให้คณะกรรมการบริหารตามวรรคหนึ่งประกอบด้วยกรรมการอื่นเท่าที่มีอยู่
» มาตรา ๓๑ ให้คณะกรรมการบริหารของโรงเรียนในระบบมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) ออกระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ของโรงเรียนในระบบ
(๒) ให้ความเห็นชอบนโยบาย และแผนพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนในระบบ
(๓) ให้คำแนะนำการบริหารและการจัดการโรงเรียนในระบบด้านบุคลากร แผนงาน งบประมาณ วิชาการ กิจกรรมนักเรียน อาคารสถานที่ และความสัมพันธ์กับชุมชน
(๔) กำกับดูแลให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในโรงเรียนในระบบ
(๕) ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการ
(๖) ให้ความเห็นชอบการกู้ยืมเงินครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันเกินร้อยละยี่สิบห้าของมูลค่าของทรัพย์สินที่โรงเรียนในระบบมีอยู่ขณะนั้น ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารไม่ให้ความเห็นชอบการกู้ยืมเงิน คณะกรรมการต้องเสนอทางเลือกที่ปฏิบัติได้ให้แก่โรงเรียนในระบบด้วย เว้นแตคณะกรรมการจะเห็นว่าการกู้ยืมเงินนั้นมิได้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของการดำเนินกิจการโรงเรียนในระบบ
(๗) ให้ความเห็นชอบการกำหนดค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนในระบบ
(๘) ให้ความเห็นชอบรายงานประจำปี งบการเงินประจำปี และการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี
(๙) พิจารณาคำร้องทุกข์ของครู ผู้ปกครองและนักเรียน
(๑๐) ดำเนินการอื่นตามที่กฎหมายระบุให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
จากมาตรา ๓๐-๓๑ คณะกรรมการอำนวยการโรงเรียน จะต้องมาจากการสรรหา
» มาตรา ๓๗ ให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งผู้อำนวยการคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการโรงเรียนในระบบ และแจ้งให้ผู้อนุญาตทราบพร้อมกับส่งหลักฐานการแต่งตั้งผู้อำนวยการภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันแต่งตั้ง
ผู้อำนวยการต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา และสามารถทำงานให้กับโรงเรียน ในระบบได้เต็มเวลา
ผู้รับใบอนุญาตจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโดยไม่แต่งตั้งผู้อำนวยการตามวรรคหนึ่งก็ได้
» มาตรา ๓๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๓๗ วรรคสาม ผู้รับใบอนุญาตจะแต่งตั้งรองผู้อำนวยการคนหนึ่งหรือหลายคนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการมอบหมายก็ได้
รองผู้อำนวยการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกับผู้อำนวยการ
» มาตรา ๓๙ ผู้อำนวยการมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังต่อไปนี้
(๑) ดูแลรับผิดชอบงานด้านวิชาการของโรงเรียนในระบบ
(๒) แต่งตั้งและถอดถอน ครู บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนในระบบตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
(๓) ควบคุมปกครองครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนของโรงเรียนในระบบ
(๔) จัดทำทะเบียนครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ นักเรียน และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการให้การศึกษาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
(๕) จัดทำหลักฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการศึกษาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
(๖) ปฏิบัติหน้าที่อื่นอันเกี่ยวกับวิชาการตามระเบียบและข้อบังคับของทางราชการ รวมทั้งตราสาร จัดตั้ง นโยบาย ระเบียบและข้อบังคับของโรงเรียน และหน้าที่อื่นตามที่
» มาตรา ๔๐ ให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งผู้จัดการคนหนึ่ง มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังต่อไปนี้
(๑) ดูแลรับผิดชอบงานด้านงบประมาณของโรงเรียนในระบบ
(๒) ดูแลรับผิดชอบการบริหารงานทั่วไปของโรงเรียนในระบบ
(๓) ปฏิบัติหน้าที่อื่นอันเกี่ยวกับการบริหารงานตามตราสารจัดตั้ง นโยบาย ระเบียบ และข้อบังคับของโรงเรียนในระบบ และหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับใบอนุญาตจะทำหน้าที่ผู้จัดการโดยไม่แต่งตั้งผู้จัดการตามวรรคหนึ่งก็ได้
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งผู้จัดการ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
จากมาตรา ๓๘-๔๐
(๑) ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียน มีอำนาจในการแต่งผู้จัดการ , ผู้อำนวยการ , รองผู้อำนวยการ
(๒) ผู้รับใบอนุญาต มีอำนาจ มีสิทธิ์ที่จะดำรงตำแหน่งทั้ง ผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการครูใหญ่
(๓) คุณสมบัติเฉพาะผู้อำนวยการ / รองผู้อำนวยการ ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา 2546
หมวด ๑ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
ส่วนที่ ๕ การประกอบวิชาชีพควบคุม
หมวด ๔๓ ให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุมตาม พระราชบัญญัตินี้ การกำหนดวิชาชีพควบคุมอื่นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทางการศึกษา
(๒) ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนแต่ในบางครั้งต้องทำหน้าที่สอนด้วย
(๓) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งทำการฝึกหัดหรืออบรมในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
(๔) ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
(๕) ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรือสถานที่เรียนที่
หน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
(๖) คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาทั้งของ
รัฐและเอกชน
(๗) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา
(๘) บุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
» มาตรา ๔๔ ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(ก) คุณสมบัติ
(๑) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(๒) มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง
(๓) ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
(ข) ลักษณะต้องห้าม
(๑) เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
(๒) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๓) เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่คุรุสภาเห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
(๔) คุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ คือ
๔.๑ มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
๔.๒ เป็นครูมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี
๔.๓ มีวุฒิทางการศึกษาหรือปริญญาอื่นที่ ก.ค. กำหนด
๔.๔ อบรมตามหลักสูตรการบริหารสถานศึกษาตามคุรุสภารับรอง
การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
1. ผู้ที่เป็นผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ช่วยผู้บริหารสถานศึกษาอยู่แล้วก่อนวันที่ 12 มิถุนายน 2546 จะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาทุกคน
2. ผู้ที่ต้นสังกัดแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารสถานศึกษา หรือรองผู้บริหารสถานศึกษา หลังวันที่ 11 มิถุนายน 2546 ให้ต้นสังกัดขอยกเว้นคุณสมบัติเกี่ยวกับวุฒิปริญญาทางบริหารการศึกษาเพื่อพิจารณาเป็นกรณีไป
3. ผู้ประสงค์จะมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษามีคุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ คือ มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เป็นครูมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่มีวุฒิปริญญาทางการศึกษาหรือปริญญาอื่นที่ ก.ค. กำหนดให้เป็นคุณวุฒิที่ใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูให้ยื่นคำขอภายในวันที่ 11 มิถุนายน 2549 ครุสภาจะออกหนังสือรับรองสิทธิให้ และเมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้ว ต้องเข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรการบริหารสถานศึกษาตามที่คุรุสภารับรองภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง จึงจะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา
» มาตรา ๔๒ ให้โรงเรียนในระบบจัดให้มีครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนในระบบให้เพียงพอแก่การจัดการศึกษาและมีจำนวนที่เหมาะสมกับนักเรียน ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพครูหรือบุคลากรทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา แล้วแต่กรณี
จากมาตรา ๔๒
(๑) ผู้อำนวยการโรงเรียน มีอำนาจในการบรรจุและถอดถอน ครู บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน
(๒) คุณสมบัติเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วย สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา (เหมือนกับผู้อำนวยการ / รองผู้อำนวยการ)
(๓) คุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ คือ
๓.๑ มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
๓.๒ มีวุฒิทางการศึกษาหรือปริญญาอื่นที่ ก.ค. กำหนด
๓.๓ อบรมตามหลักสูตรการศึกษาตามคุรุสภารับรอง
การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
ผู้ประกอบวิชาชีพครูตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๖ ต้องมีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือวุฒิปริญญาอื่นที่ ก.ค. กำหนดให้เป็นคุณวุฒิที่ใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นครู ก่อนวันที่พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ ใช้บังคับ
จากเนื้อหาดังกล่าวสามารถเป็นแผนภูมิได้ดังนี้
ศึกษาเนื้อหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.ksp.or.th คุรุสภา
www.opec.go.th สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
สรุปความโดย...วิฑูรย์ ทวีสุข